นพ.เชษฐา จันทร์เทียมวงษ์
“หมอเป็นแพทย์ด้านกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ ที่ศึกษาต่อด้านศัลยศาสตร์ทางมือและจุลศัลยศาสตร์ หรือ Hand and Micro surgery ทำให้มีความชำนาญเพิ่มเติมในการผ่าตัดและตัดต่อเส้นเลือดรวมถึงเส้นประสาทเส้นเล็กๆ เช่น บริเวณมือและนิ้วมือ ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างซับซ้อน เพราะเป็นเรื่องของเส้นเอ็นและเส้นประสาทที่มุ่งให้ส่วนที่บาดเจ็บกลับมาใช้งานได้ตามปกติ รวมถึงซ่อมแซมส่วนที่เสียหายให้มีเลือดมาเลี้ยงเพื่อไม่ให้เกิดภาวะเนื้อตาย จุลศัลยศาสตร์จึงต้องอาศัยทั้งประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ รวมถึงอุปกรณ์เฉพาะสำหรับงานจุลศัลยกรรม อย่างอุปกรณ์จับเส้นเลือด กล้องขยายชนิดพิเศษ และในส่วนของการผ่าตัดผังผืดเส้นประสาทข้อมือ หมอก็จะมีเทคโนโลยีการผ่าตัดแบบแผลเล็กเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ซึ่งช่วยให้คนไข้มีแผลเล็ก เจ็บน้อย และฟื้นตัวไว”
นพ.เชษฐา จันทร์เทียมวงษ์ สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล (2547) หลังจากเป็นแพทย์ใช้ทุนครบ 3 ปีแล้ว คุณหมอได้เข้าศึกษาต่อวุฒิบัตรออร์โธปิดิกส์ (กล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ) ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ (2550-2555) เมื่อได้สั่งสมประสบการณ์ในการเป็นแพทย์ด้านกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ มาพอสมควร คุณหมอจึงได้ศึกษาต่อยอดในอนุสาขาศัลยกรรมทางมือและจุลศัลยกรรม ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ (2560-2561) โดยปัจจุบันคุณหมอเชษฐา เป็นแพทย์ประจำศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ ที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านศัลยกรรมทางมือและจุลศัลยกรรม ที่ โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา คุณหมอเล่าถึงแรงบันดาลใจและประสบการณ์ในการศึกษาว่า…
“ที่หมอสนใจและมีความชอบในสาขากล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ เนื่องจากตอนเป็นแพทย์ใหม่ๆ หมอได้พบอุบัติการณ์เกี่ยวกับเคสอุบัติเหตุที่ส่งผลต่อกระดูก จนเป็นอุปสรรคในการใช้งานและการใช้ชีวิตของผู้ป่วยค่อนข้างมากและสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้ป่วยในวัยทำงาน ส่วนเหตุผลในการต่อยอดการศึกษาด้านศัลยกรรมทางมือและจุลศัลยกรรม ก็เพราะมีความประทับใจในอาจารย์แพทย์ผู้สอน และมองว่าการศัลยกรรมมือเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความละเอียดสูง ทั้งยังมีความหลากหลายของวิธีการผ่าตัด และหมอก็อยากช่วยเหลือผู้ป่วยกลุ่มนี้”
กระดูก เอ็น และข้อ ที่เสียหายจากอุบัติเหตุและการทำงาน
คนไข้ที่คุณหมอเชษฐา ดูแลรักษาแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.เคสอุบัติเหตุจากการจราจร 2.อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬา และ 3.กลุ่มที่เกิดความเจ็บป่วยจากการทำงาน เช่น มีพังผืดกดทับเส้นประสาท นิ้วล็อก เส้นเอ็นอักเสบเรื้อรัง ซึ่งวิธีการรักษาในแต่ละโรคก็จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ เริ่มตั้งแต่การแนะนำเรื่องการใช้อิริยาบถของผู้ป่วย การบริหารร่างกาย การทำกายภาพบำบัด การใช้ยากิน การฉีดยา ไปจนถึงการผ่าตัดในรายที่เป็นมาก
หัวใจสำคัญและประสบการณ์ในการรักษาด้านจุลศัลยกรรม
หัวใจสำคัญของการเป็นศัลยแพทย์ของคุณหมอเชษฐา คือความเป็นแพทย์ที่มีความรักและความเอาใจใส่ในการรักษา เนื่องจากจะต้องพบเคสยากๆ ที่อาการรุนแรงแบบที่ต้องใช้เวลาในการผ่าตัดนานหลายชั่วโมงอยู่เป็นประจำ เฉพาะอย่างยิ่งด้วยที่ตั้งของโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมค่อนข้างมาก คนไข้เคสอุบัติเหตุจากการทำงานจึงมีเยอะ เช่น ถูกเครื่องจักรบดทับมือ นิ้วขาด กระดูกข้อศอกแตก ข้อมือแตก ซึ่งมีทั้งแตกไม่เยอะและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็มาก…
“เคสผ่าตัดที่นานสุดที่หมอเคยทำมาคือประมาณ 16 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นหมอด้านนี้ต้องมีความชอบในสาขานี้จริงๆ มีความอดทนและรักการรักษา หรืออย่างเคสหนักๆ ที่ต้องทำการต่อเส้นเอ็นและเส้นประสาทก็ต้องอาศัยความละเอียดประณีตจึงต้องใช้เวลานาน เพราะเป้าหมายของหมอคือการช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้อวัยวะได้ดีและครบฟังก์ชั่นเหมือนเดิม หากในกรณีที่มีความเสียหายของอวัยวะมากเกินที่จะรักษาให้กลับมาดีได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็จะต้องทำให้คนไข้กลับมาใช้งานในอวัยวะนั้นๆ อย่างดีที่สุด คือเสียฟังก์ชั่นให้น้อยที่สุด”
ทีมแพทย์ศัลยกรรม 24 ชม. ที่ รพ.พญาไท ศรีราชา
ที่ รพ.พญาไท ศรีราชา มีแพทย์เฉพาะทางอยู่ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงคุณหมอเชษฐา ด้วย นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในด้านอุปกรณ์ เครื่องมือ และทีมสหสาขาวิชาชีพที่จะร่วมกันดูแลผู้ป่วย ซึ่งคุณหมอเชษฐา ได้เล่าถึงผลการรักษาที่ผ่านมาว่า…
“สำหรับหมอ หมอคิดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะนอกจากเราจะมีทีมแพทย์เฉพาะทางแล้ว ที่นี่เรายังมีความพร้อมทางด้านเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ตลอด 24 ชม. อีกทั้งด้วยโรงพยาบาลของเราอยู่ใกล้ถนนสุขุมวิท ถนนมอเตอร์เวย์ และนิคมแหลมฉบัง เมื่อเกิดเคสอุบัติเหตุผู้ป่วยจึงเดินทางมาพบแพทย์ได้ค่อนข้างรวดเร็ว ซึ่งก็ทำการรักษาได้ผลดีกว่าการปล่อยเวลาไปนาน”
คุณหมอเชษฐา ยังได้ฝากถึงผู้ที่ทำงานกับเครื่องจักร ว่าให้มีสติและตั้งอยู่ในความไม่ประมาท โดยปฏิบัติตามกฎของการใช้เครื่องจักรแต่ละชนิดอย่างเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย และจากที่คุณหมอดูแลคนไข้ด้านกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อ มานาน คุณหมอก็มีความเป็นห่วง โดยเฉพาะกับผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ที่เริ่มมีภาวะกระดูกบาง กระดูกพรุน จึงแนะนำว่าควรเข้ารับการตรวจเช็กมวลกระดูกตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อหาทางป้องกันความเสื่อมต่างๆ ในกรณีคุณผู้หญิงที่หมดประจำเดือนไว มีรูปร่างเล็ก มีประวัติกระดูกหัก หรือมีโรคประจำตัวที่อาจทำให้เกิดกระดูกพรุน เช่น โรคไต โรคไทรอยด์ ก็ควรได้รับการตรวจสุขภาพกระดูก เช็กมวลกระดูก ความแข็งแรงของข้อและกระดูก ซึ่งทางโรงพยาบาลก็มีโปรแกรมตรวจไว้ให้เลือกตามความเหมาะสม และยังสามารถตรวจเพิ่มเติมตามที่ต้องการได้…
“หมออยากให้ทุกคนอย่าลืมดูแลตัวเอง และปรับพฤติกรรมการใช้ร่างกายก่อนเกิดปัญหา เพราะในปัจจุบันมีคนไข้ที่เป็นโรคอันเกิดจากพฤติกรรมการทำงาน รวมถึงการใช้โทรศัพท์มือถือ และใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานานเยอะขึ้นเรื่อยๆ ขอให้หมั่นระวังและสังเกตอาการ ความผิดปกติต่างๆ ถ้ามีอาการปวด อาการชา นิ้วล็อก หรือขยับนิ้วได้ไม่ดีเหมือนเดิมก็ควรรีบมาพบแพทย์ก่อนที่จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง”
