ดูแลสุขภาพจากภายใน แล้วอย่าลืมใส่ใจดูแลผิวพรรณภายนอก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่เป็นจุดรวมสายตา อย่าปล่อยให้รอยสิว ริ้วรอยแห่งวัย มายึดพื้นที่ เราต้องสู้กลับ! ด้วยการผลักวิตามินเข้าสู่ผิวเพื่อทำให้ผิวหน้าได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกกว่าการทาครีมโดยทั่วไป
Phono VS Ionto วิธีการไหนที่เหมาะกับเรา
ทั้ง 2 วิธี คือ การผลักวิตามินเข้าสู่ผิวหน้าเช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันตรงเครื่องมือ และสื่อกลางที่ใช้
- โฟโน (Phono) หรือ โฟโนโฟเรซิส (Phonophoresis) คือ การผลักวิตามินเข้าผิวโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ส่งผ่านเครื่องมือขนาดเล็ก แล้วนำไปนวดที่บริเวณผิวหนัง ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในระดับเซลล์ผิว เพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นให้วิตามินสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วกว่า และมากกว่าการทาครีมทั่วไป
- ไอออนโต (Ionto) หรือ ไออนโตโฟเรซิส (Iontophoresis) คือ การใช้ประจุไฟฟ้าชนิดพิเศษ เป็นตัวกระตุ้นรูขุมขนให้เปิดกว้างขึ้น เพื่อให้วิตามินสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้มากยิ่งขึ้น
โฟโน…ดีอย่างไร
- ทำให้ใบหน้าขาวกระจ่างใส
- รักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ
- ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว
- ลดรอยหมองคล้ำรอบตา และถุงใต้ตา
- รักษาริ้วรอยบนใบหน้า
ไอออนโต..ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างไร
- ช่วยให้ใบหน้ากระจ่างใส
- รักษา ฝ้า กระ ตื้น
- ลดริ้วรอย จุดด่างดำ
- ลดรอยแผลเป็นบางชนิดหรือรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส
- ลดรอยหลุมจากสิว
ขั้นตอนการผลักวิตามินเข้าสู่ผิว
- ตรวจสภาพผิวหน้า เพื่อวิเคราะห์ว่าควรใช้ตัวยา หรือวิตามินเอ วิตามินซี หรือวิตามินอี ที่เหมาะสมกับการบำรุงผิวหน้า
- ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด เพื่อไม่ให้มีเครื่องสำอาง หรือใดๆ อยู่บนใบหน้าอีก เพราะอาจเกิดปฏิกิริยากับตัวยาในการผลักวิตามินได้
- ทาวิตามินที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า จากนั้นใช้เครื่องกระตุ้นวิตามินให้เข้าสู่ผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ก็เสร็จสิ้น
แนะนำให้เข้ารับการผลักวิตามินอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนจะเริ่มเห็นผล
หลังผลักวิตามินเข้าสู่ผิว ต้องดูแลผิวหน้าอย่างไร
- ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผลักวิตามิน
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้วิตามินสามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- ทานอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน
- ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ
- ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้น ทุกครั้งที่ต้องเผชิญแสงแดด