ปัจจุบัน โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย และในรายที่ไม่เสียชีวิตก็มีโอกาสเกิดความพิการสูง ซึ่งส่งผลให้ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทำให้ต้องมีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต)
โรคหลอดเลือดสมองหรือ Stroke เป็นโรคที่เกิดจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองเกิดความผิดปกติ ซึ่งมี 2 ชนิด คือ หลอดเลือดสมองอุดตัน กับ หลอดเลือดสมองแตก ทำให้สมองหยุดการทำงานไปอย่างเฉียบพลันจากการที่สมองไม่มีเลือดไปเลี้ยง หรือมีเลือดออกแทรกทับในเนื้อสมอง
70% ของโรคหลอดเลือดสมองเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอซึ่งมีสาเหตุสำคัญ 3 ประการ
1.การอุดตันของหลอดเลือดจากการเสื่อมหรือการแข็งตัวของหลอดเลือด
เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอุดตันที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการที่ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูงอายุ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน การสูบบุหรี่ หรือมีไขมันในเลือดสูง ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีปัจจัยเสี่ยงอย่างเดียวหรือหลายอย่างในคนเดียวกันก็ได้
2.ก้อนเลือดจากหัวใจ หรือตะกอนเลือดจากผนังหลอดเลือดแดงที่คอด้านหน้าหลุดเข้าไปอุดตันหลอดเลือดในสมอง
สาเหตุของก้อนเลือดจากหัวใจหลุดเข้าหลอดเลือดสมองมักเกิดในคนที่มีการเต้นหัวใจไม่สม่ำเสมอ ชนิดหัวใจห้องซ้ายบนเต้นพลิ้ว (atrial fibrillation หรือ AF)
การเต้นของหัวใจที่บีบตัวไม่พร้อมกันทั้งห้องทำให้มีเลือดค้างในห้องหัวใจ เลือดจะเกิดการแข็งตัวเป็นก้อนเลือดขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง ในวันที่เกิดอาการ จะเกิดจากก้อนเลือดหลุดออกไปที่หัวใจห้องซ้ายล่าง แล้วออกต่อไปที่หลอดเลือดแดงใหญ่ และหลุดเข้าไปในสมอง เกิดการอุดตันของหลอดเลือดที่มีขนาดเล็กกว่าก้อนเลือด ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยง นอกจากนี้ตะกอนเลือดที่อยู่ที่ผิวของ plaque ในผนังหลอดเลือดใหญ่ที่คอ สามารถหลุดเข้าไปติดในหลอดเลือดสมอง จากแรงของเลือดที่ไหลเร็วกว่าปกติบริเวณที่หลอดเลือดคอตีบ ทำให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดในสมองได้เช่นกัน
3. ความดันเลือดลดลงมากจนไปเลี้ยงสมองไม่ทัน
เป็นสาเหตุที่พบได้น้อยกว่า 1% ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด สาเหตุของความดันเลือดที่ลดลง ได้แก่
- หัวใจหยุดเต้นจากการขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง หรือเรียกว่า Heart attack เมื่อกู้ชีพมาได้หลังจากหัวใจหยุดทำงานไปนาน ทำให้สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เมื่อหัวใจกลับมาเต้นใหม่ แต่สมองขาดเลือดนานเกินไป สมองก็ไม่สามารถกลับมาทำงานใหม่ได้
- ความดันเลือดตกมากในผู้ป่วยติดเชื้อเข้ากระแสเลือดที่เรียกว่าภาวะช็อก (shock)
- การกินยาลดความดันเกินขนาด ทำให้ความดันเลือดต่ำจนไม่สามารถเลี้ยงสมองได้พอ
- ความดันต่ำจากการเปลี่ยนท่า จากท่านอนหรือนั่งเป็นท่ายืนเร็วเกินไป มักพบในผู้สูงอายุที่กินยาลดความอ้วน หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมานาน และมีการเสื่อมของประสาทส่วนปลายร่วมด้วย
อีก 30% เกิดจากหลอดเลือดในสมองแตก แบ่งได้เป็น 2 ชนิด
1. เลือดออกในเนื้อสมอง (Intracerebral hemorrage หรือ ICH)
เกิดจากหลอดเลือดขนาดเล็กมากเท่าเส้นผมหรือเล็กกว่าเกิดการโป่งพอง หรือผนังหลอดเลือดเองเปราะบางจากอายุที่มากจนเกิดการแตก ทำให้เลือดออกในเนื้อสมองขนาดเท่าเม็ดถั่วหรืออาจจะใหญ่เท่าผลส้มลูกใหญ่ได้ ผู้ป่วยเหล่านี้จะเกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน หรือหมดสติได้ในรายที่ก้อนเลือดมีขนาดใหญ่ สาเหตุที่พบได้แก่
- ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สูงอายุ มีความดันโลหิตสูงมานาน โรคเบาหวาน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก เครียดมาก
- ผู้ป่วยสูงอายุ และมีผนังหลอดเลือดเปราะ (amyloid angiopathy)
- ผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดพิการแต่กำเนิด ซึ่งมีหลอดเลือดขดไปมาจำนวนมาก และขนาดใหญ่กว่าปกติ (arteriovenous malformation หรือ AVM)
2. เลือดออกที่ผิวสมอง (Subarachnoid hemorrhage หรือ SAH)
เกิดจากหลอดเลือดขนาดใหญ่ที่ฐานสมอง ซึ่งมีขนาดประมาณไส้ปากกาลูกลื่นถึงขนาดหลอดดูดกาแฟขนาดเล็ก เกิดการโป่งพองและค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ จนบางมากแล้วแตกออก เลือดที่ออกมักมีปริมาณมากและกระจายไปทั่วผิวสมอง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียน ถ้าเป็นมากอาจหมดสติหรือเสียชีวิตได้ สาเหตุที่พบ ได้แก่
- ผู้ป่วยมีผนังหลอดเลือดใหญ่ที่ฐานสมองไม่แข็งแรง ร่วมกับมีความดันโลหิตสูงมานาน ความดันโลหิตสูงนี้จะค่อยๆ ดันให้ผนังหลอดเลือดโตเป็นกระเปาะ และโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผนังหลอดเลือดบางลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็จะแตกออก
- หลอดเลือดพิการแต่กำเนิดที่มีจำนวนมากขดไปมาและขนาดใหญ่กว่าปกติ (AVM) บริเวณผิวสมอง ซึ่งเป็นตั้งแต่กำเนิด เมื่อโตขึ้นจะมีขนาดใหญ่ขึ้นและแตกได้ในที่สุด
อาการของโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต)
สมองแต่ละส่วนมีหน้าที่ของตนเอง ถ้าสมองส่วนใดก็ตามขาดเลือดไปเลี้ยงจากการที่หลอดเลือดอุดตัน หรือมีเลือดออกคั่งในสมอง ก็จะทำให้สมองส่วนนั้นๆ หยุดการทำงานไป ทำให้เกิดอาการตามส่วนของสมองที่เกิดปัญหา ซึ่งสมองมีส่วนต่างๆ ที่สำคัญ ดังนี้
1. สมองใหญ่ (Cerebrum)
อยู่ด้านบนสุด และมีขนาดใหญ่สุด แบ่งได้เป็น 5 ส่วน
- สมองใหญ่ส่วนหน้า (Frontal lobe) ทำหน้าที่สั่งให้ร่างกายเคลื่อนไหว โดยสมองข้างขวาสั่งให้ร่างกายซีกซ้ายเคลื่อนไหว และสมองข้างซ้ายสั่งให้ร่างกายซีกขวาเคลื่อนไหว ถ้าสมองส่วนนี้หรือเส้นประสาทที่ส่งต่อเนื่องไปยังร่างกายเสียหายหรือหยุดทำงาน ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนแรงด้านตรงข้าม รวมทั้งใบหน้าด้านตรงข้ามจะเบี้ยวไปด้วย ถ้าเป็นมากจะขยับไม่ได้เลย เรียกว่า อัมพาตครึ่งซีก ถ้าพอขยับหรือยกแขนขาได้เรียกว่า อัมพฤกษ์ นอกจากนี้ยังมีส่วนของการสั่งให้พูด (Broca area) อยู่ด้านล่างของสมองส่วนหน้าข้างซ้าย (เป็นสมองข้างที่เด่น ซึ่งในคนมักเป็นข้างซ้าย) ถ้าสมองส่วนนี้เสียไปผู้ป่วยพูดไม่ได้หรือถ้าเป็นไม่มาก ผู้ป่วยอาจพูดได้บางคำ แต่พูดต่อเป็นประโยคไม่ได้
- สมองใหญ่ส่วนข้าง (Parietal lobe) มีหน้าที่รับรู้การสัมผัส การเจ็บร้อนเย็นจากร่างกายซีกด้านตรงข้าม ถ้าผิดปกติจะมีอาการชาด้านตรงข้ามกับสมองที่มีปัญหา
- สมองใหญ่ส่วนขมับ (Temporal lobe) มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับความจำ แต่มีส่วนที่สำคัญจุดหนึ่งทำหน้าที่แปลเสียงที่ได้ยินให้เป็นภาษา และต้องอยู่ในสมองข้างที่เด่น (ข้างซ้าย) ถ้าสมองส่วนนี้เสียไป ผู้ป่วยจะไม่เข้าใจเสียงที่ได้ยินว่าแปลว่าอะไร ทั้งที่เป็นภาษาไทยที่เคยรู้มาก่อน
- สมองใหญ่ส่วนท้ายทอย (Occipital lobe) มีหน้าที่สำคัญ คือการรับภาพที่ส่งมาทางตา ถ้าสมองส่วนนี้เสีย ผู้ป่วยจะมองไม่เห็นครึ่งซีกของลานสายตาของแต่ละตา ถ้าทดสอบโดยการปิดตา เมื่อเปิดตาพร้อมกันสองข้างผู้ป่วยจะมองไม่เห็นครึ่งซีกด้านตรงข้ามกับสมองที่เสีย
- สมองใหญ่ส่วนใน (Insular lobe) มีหน้าที่เกี่ยวกับการควบคุมประสาทอัตโนมัติ ซึ่งไม่มีความสำคัญในเรื่องของโรคหลอดเลือดสมอง
2. แกนสมอง (Brain stem)
เป็นส่วนของสมองที่สายใยประสาทจากสมองลงมาไขสันหลังและจากไขสันหลังขึ้นไปยังสมอง มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของเส้นประสาทสมองจำนวน 12 คู่ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ประสานการทรงตัวกับสมองเล็ก ถ้ามีความผิดปกติจะมีอาการอ่อนแรงของแขนขา การชา เห็นภาพซ้อน พูดไม่ชัด เดินเซ กินแล้วสำลัก เวียนศีรษะบ้านหมุน ถ้าเป็นมากอาจหมดสติโดยไม่รู้ตัว
3.สมองเล็ก (Cerebellum)
อยู่ด้านหลังสุด ทำหน้าที่ประสานสมองส่วนต่างๆ ให้ทำงานสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะด้านการเคลื่อนไหว ถ้าสมองส่วนนี้เสียการทำหน้าที่ จะทำให้มีอาการเวียนศีรษะบ้านหมุน เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ พูดไม่ชัด แต่ไม่มีอาการอ่อนแรง
ผู้ป่วยหลอดเลือดสมองอาจมีอาการเดียวหรือหลายๆ อาการรวมกันได้ เช่น บางคนมีอ่อนแรงอย่างเดียว ชาครึ่งซีกอย่างเดียว บางคนอาจจะมีการอ่อนแรงครึ่งซีก ร่วมกับพูดไม่ชัด รับประทานอาการสำลัก และเดินเซ
ผู้ป่วยที่มีอาการมาก มักเกิดจากหลอดเลือดสมองขนาดใหญ่อุดตัน หรือมีเลือดออกในสมองขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่าลูกปิงปอง) ผู้ป่วยที่มีเลือดออกที่ผิวสมองมักมีอาการปวดหัวรุนแรงและซึมลงโดยที่ไม่มีอาการอ่อนแรงก็ได้ อาการเหล่านี้จะไม่มีอะไรมาเตือนก่อนล่วงหน้า ที่สำคัญมากคือ ผู้ป่วยทั้งหมดจะมีอาการที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลันทั้งสิ้น หากมีอาการดังกล่าวควรรีบพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
อาการสำคัญของโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต)
- หน้าเบี้ยวหรือปากเบี้ยว (Face)
- แขนขาไม่มีแรง (Arm)
- พูดไม่ชัด พูดอ้อแอ้ หรือพูดไม่ออกเลย (Speech)