เฮือกๆๆ…ฟี้…หายใจแรง…คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตอาการเหล่านี้ในขณะลูกน้อยหลับหรือเปล่า ถ้าพบว่าพวกเขากรนมากกว่า 3 คืนต่อสัปดาห์ มีเสียงเงียบและหยุดหายใจเป็นพักๆ ให้คุณพ่อคุณแม่รีบพาลูกน้อยไปพบแพทย์ เพราะ “ภาวะการนอนกรนในเด็ก” อาจรุนแรงและอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้นะ
นี่คือสาเหตุของการนอนกรนในเด็ก
- โรคอ้วนในเด็ก แป้งและไขมันที่รับประทานเข้าไปจะไปสะสมบริเวณหลอดทางเดินหายใจ
- ต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์โต โดยเฉพาะในเด็กที่เป็นหวัดบ่อย
- ภาวะจมูกอักเสบเรื้อรังจากภูมิแพ้ เยื่อบุภายในบวมทำให้อุดตันทางเดินหายใจ
- โรคทางสมองและกล้ามเนื้อทำงานไม่ดี มีผลต่อระบบทางเดินหายใจ
- โครงหน้าผิดปกติ เช่น คางสั้น
“นอนกรน” มีส่วนทำลายพัฒนาการลูก
เพราะเสียงกรนที่คุณพ่อคุณแม่ได้ยินในยามลูกน้อยนอนหลับ บ่งบอกว่า…เขากำลังอยู่ในช่วงภาวะหายใจลำบาก โดยส่วนมากเกิดจากต่อมทอนซิลและต่อมอดีนอยด์โตกว่าปกติ ทำให้ทางเดินหายใจแคบ ออกซิเจนที่ส่งไปเลี้ยงสมองก็จะลดลง…ส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมอง แถมยังทำให้เด็กตื่นบ่อย เกิดภาวะอ่อนเพลียในช่วงเวลากลางวัน ไม่มีพลังที่จะใช้ชีวิตและเรียนหนังสือได้เต็มที่
รู้ก่อนสาย! เพราะนอนกรน…อันตรายถึงชีวิต
คุณพ่อคุณแม่บางคนคิดว่า..การที่ลูกนอนกรน อาจเป็นเพราะเป็นภูมิแพ้อากาศปกติ หรือน้ำหนักตัวที่เยอะเกินไป จนมองข้ามสัญญาณอันตรายจากภาวะ “ต่อมทอนซิลและต่อมอดีนอยด์โต” โดยการโตของต่อมทั้งสองนี้จะทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ หากปล่อยไว้นานๆ ออกซิเจนที่ลดลงอาจส่งผลให้หัวใจโต..เสี่ยงภาวะหัวใจล้มเหลวตามมา
หากลูกนอนกรนเพราะต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์…จะรักษายังไงได้บ้าง
- ผ่าตัดรักษาต่อมทอนซิลและต่อมอะดีนอยด์ เป็นวิธีรักษาที่ได้ผลมากที่สุดในผู้ป่วยที่อาการนอนกรนเกิดจากต่อมทอนซิลและอะดีนอยด์โต
- ใช้ยาพ่นจมูกกลุ่มสเตียรอยด์ จะใช้เมื่อได้รับการผ่าตัดไปแล้ว แต่อาจยังมีภาวะหยุดหายใจชนิดไม่รุนแรงอยู่ หรือใช้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้
เพราะเด็กๆ บางคนไม่สามารถบอกความผิดปกติของร่างกายได้ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องหมั่นสังเกตอาการของลูกอยู่ตลอดเวลา เพื่อการรักษาที่ทันท่วงที…ก่อนที่โรคร้ายจะทำร้ายลูกน้อย!