เปิดใจเมื่อลูกเปิดตัว: ถาม-ตอบ เรื่องของฮอร์โมนข้ามเพศ

เมื่อลูกของเรากล้าก้าวออกมาบอกว่า “หนูเป็นคนข้ามเพศ” (Transgender) และต้องการเริ่มกระบวนการบำบัดด้วยฮอร์โมน พ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกสับสน กังวล หรือไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรต่อไป การทำความเข้าใจเกี่ยวกับฮอร์โมนข้ามเพศ และการสนับสนุนที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

เพศเป็นเรื่องของตัวตน ไม่ใช่กรอบที่ต้องถูกจำกัด
คำว่า “เพศ” ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพศชายหรือเพศหญิงอีกต่อไป ไม่ได้ถือเป็นโรคที่ต้องรักษาหรือความผิดปกติทางจิตใจ แต่เป็นเรื่องของอัตลักษณ์ และความเป็นตัวเองที่ควรได้รับการยอมรับและเคารพ

“เทคฮอร์โมน” เรื่องที่ต้องรู้มากกว่า “รู้ตัวเอง”
ฮอร์โมนข้ามเพศ (Gender-affirming hormone therapy) คือการใช้ฮอร์โมนเพื่อช่วยให้ร่างกายปรับตัวให้เข้ากับเพศที่ตัวเองต้องการเป็น ซึ่งช่วยเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพ เช่น เสียง ผิวพรรณ กล้ามเนื้อ และระบบสืบพันธุ์

แบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก

✅ ฮอร์โมนเพศหญิง (Feminizing Hormone Therapy): ใช้สำหรับผู้ที่เพศสภาพเป็นเพศชาย แต่ต้องการให้ร่างกายมีลักษณะเป็นหญิงมากขึ้น โดยใช้ “เอสโตรเจน”(Estrogen) และยาที่ช่วยกดฮอร์โมนเพศชาย

✅ ฮอร์โมนเพศชาย (Masculinizing Hormone Therapy): ใช้สำหรับผู้ที่เพศสภาพเป็นเพศหญิง แต่ต้องการให้ร่างกายมีลักษณะเป็นชายมากขึ้น โดยการเสริม “เทสโทสเตอโรน” (Testosterone)

วิธีการใช้ฮอร์โมนมีหลายรูปแบบ เช่น ยาเม็ด ยาทาผิวหนัง แผ่นแปะผิวหนัง และยาฉีด การเลือกวิธีการใช้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล

ผู้หญิง VS ผู้ชาย ผลข้างเคียงของ “การเทคฮอร์โมน”

· ฮอร์โมนเอสโตรเจน: อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง

· ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน: อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะเลือดหนืด และปัญหาเกี่ยวกับไขมันในเลือด

วิธีการสนับสนุนในแบบที่เขาอยากเป็น

คำว่า “บ้าน” ควรเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก พ่อแม่ควรสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและปลอดภัย เพื่อให้ลูกกล้าพูดและแสดงออกในสิ่งที่เขาคิด ทุกคำแนะนำและการสนับสนุนจากพ่อแม่จะช่วยให้ลูกเติบโตได้อย่างมั่นใจ โดยมีแนวทางดังนี้

1. เปิดใจรับฟังโดยไม่ตัดสิน
การฟังอย่างเปิดใจเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อลูกของเราบอกว่าเขาเป็นคนข้ามเพศ หลีกเลี่ยงการตัดสินหรือให้คำตอบในทันที ควรให้พื้นที่และเวลาแก่ลูกเพื่อพูดออกมาอย่างเต็มที่ การรับฟังโดยไม่ขัดแย้งจะช่วยให้ลูกรู้สึกมั่นใจและได้รับการยอมรับจากครอบครัว

2. ให้อิสระในการเลือกเพศ
การให้ลูกมีอิสระในการเลือกเพศที่ตัวเองต้องการ เป็นการแสดงความเคารพในตัวตนของเขา ไม่จำเป็นต้องบังคับให้เขาต้องเป็นตามที่คุณคิดว่า “เหมาะสม” การยอมรับและให้การสนับสนุน คือก้าวแรกในการสร้างความมั่นใจให้กับลูก

3. เรียนรู้และปรับตัวไปด้วยกัน
การเดินทางนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน ทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกอาจต้องเรียนรู้และปรับตัวไปด้วยกัน ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องเพศ เปิดโอกาสให้ลูกแสดงความคิดเห็น การพูดคุย และเรียนรู้ร่วมกันจะทำให้ทั้งครอบครัวเข้าใจและพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน

4. สร้างบ้านให้เป็น Safe Zone
บ้านควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและไม่มีการตัดสิน สร้างบรรยากาศที่ลูกสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกหรือการพูดถึงความรู้สึก การมี Safe Zone ที่บ้านจะช่วยให้ลูกรู้สึกอุ่นใจและไม่ถูกกดดัน

5. ยอมรับและสนับสนุนไม่เปลี่ยนแปลง
การยอมรับลูกในแบบที่เขาเป็น คือการสนับสนุนอย่างแท้จริง คุณไม่จำเป็นต้องพยายามเปลี่ยนแปลงเขา แต่การอยู่เคียงข้างและยอมรับในสิ่งที่เขาเลือกจะทำให้เขามีกำลังใจในการเผชิญโลกภายนอก

6. พูดคุยเรื่องความเครียดและความรู้สึก
เพราะสังคมไม่ได้ง่ายเสมอไป โลกภายนอกอาจเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งการถูกตั้งคำถาม การถูกตีตรา หรือแรงกดดันจากสังคม สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ลูกเครียด กังวล พ่อแม่ควรเป็นคนแรกที่ลูกกล้าพูดคุยถึงความรู้สึกของตัวเอง การพูดคุยกันบ่อยๆ ไม่เพียงช่วยลดความเครียด แต่ยังทำให้ลูกมั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้เผชิญสิ่งเหล่านี้เพียงลำพัง

การที่ลูกเปิดใจบอกเรื่องฮอร์โมนข้ามเพศ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ทั้งสำหรับตัวลูกเองและครอบครัว ความรักและความเข้าใจคือสิ่งสำคัญที่สุด การให้กำลังใจและสนับสนุนอย่างถูกต้องจะช่วยให้ลูกเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจและมีความสุข และที่สำคัญคือ คุณไม่ได้อยู่คนเดียว มีหลายครอบครัวที่ผ่านเส้นทางนี้ และมีแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมให้คำปรึกษาแล้วในปัจจุบัน


ปรึกษาแพทย์

    แพ็คเกจแนะนำ


    Related Health Blogs

    Related Doctors