Phono VS Ionto วิธีการไหนที่เหมาะกับเรา

ดูแลสุขภาพจากภายใน แล้วอย่าลืมใส่ใจดูแลผิวพรรณภายนอก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่เป็นจุดรวมสายตา อย่าปล่อยให้รอยสิว ริ้วรอยแห่งวัย มายึดพื้นที่ เราต้องสู้กลับ! ด้วยการผลักวิตามินเข้าสู่ผิวเพื่อทำให้ผิวหน้าได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกกว่าการทาครีมโดยทั่วไป

Phono VS Ionto วิธีการไหนที่เหมาะกับเรา

ทั้ง 2 วิธี คือ การผลักวิตามินเข้าสู่ผิวหน้าเช่นเดียวกัน แต่แตกต่างกันตรงเครื่องมือ และสื่อกลางที่ใช้

  1. โฟโน (Phono) หรือ โฟโนโฟเรซิส (Phonophoresis) คือ การผลักวิตามินเข้าผิวโดยการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ส่งผ่านเครื่องมือขนาดเล็ก แล้วนำไปนวดที่บริเวณผิวหนัง ทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในระดับเซลล์ผิว เพิ่มการไหลเวียนของเลือด กระตุ้นให้วิตามินสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เร็วกว่า และมากกว่าการทาครีมทั่วไป
  2. ไอออนโต (Ionto) หรือ ไออนโตโฟเรซิส (Iontophoresis) คือ การใช้ประจุไฟฟ้าชนิดพิเศษ เป็นตัวกระตุ้นรูขุมขนให้เปิดกว้างขึ้น เพื่อให้วิตามินสามารถซึมเข้าสู่ผิวหนังได้มากยิ่งขึ้น

โฟโน…ดีอย่างไร


  • ทำให้ใบหน้าขาวกระจ่างใส
  • รักษา ฝ้า กระ จุดด่างดำต่างๆ
  • ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว
  • ลดรอยหมองคล้ำรอบตา และถุงใต้ตา
  • รักษาริ้วรอยบนใบหน้า

ไอออนโต..ช่วยฟื้นฟูผิวอย่างไร


  • ช่วยให้ใบหน้ากระจ่างใส
  • รักษา ฝ้า กระ ตื้น
  • ลดริ้วรอย จุดด่างดำ
  • ลดรอยแผลเป็นบางชนิดหรือรอยแผลเป็นจากอีสุกอีใส
  • ลดรอยหลุมจากสิว

ขั้นตอนการผลักวิตามินเข้าสู่ผิว

  1. ตรวจสภาพผิวหน้า เพื่อวิเคราะห์ว่าควรใช้ตัวยา หรือวิตามินเอ วิตามินซี หรือวิตามินอี ที่เหมาะสมกับการบำรุงผิวหน้า
  2. ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด เพื่อไม่ให้มีเครื่องสำอาง หรือใดๆ อยู่บนใบหน้าอีก เพราะอาจเกิดปฏิกิริยากับตัวยาในการผลักวิตามินได้
  3. ทาวิตามินที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้า จากนั้นใช้เครื่องกระตุ้นวิตามินให้เข้าสู่ผิวหน้า ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ก็เสร็จสิ้น

แนะนำให้เข้ารับการผลักวิตามินอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนจะเริ่มเห็นผล

หลังผลักวิตามินเข้าสู่ผิว ต้องดูแลผิวหน้าอย่างไร

  1. ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัด ภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังผลักวิตามิน
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้วิตามินสามารถฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  3. ทานอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ต่อผิว โดยเฉพาะผัก ผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน
  4. ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ
  5. ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้น ทุกครั้งที่ต้องเผชิญแสงแดด

ปรึกษาแพทย์


    Related Health Blogs

    Related Doctors