พญ.พันธนิตย์ ไตรธเนศ
คนไข้ที่คุณหมอพันธนิตย์ ดูแลรักษา จะมีมาด้วยหลายลักษณะ ถ้าเป็นกลุ่มที่มารักษาโรคปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงาน อายุราว 25 ปี ไปจนถึง 40-50 ปี ส่วนกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองหรือ stroke มักพบมากในกลุ่มอายุ 60-70 ปีที่มีโรคประจำตัว และปัจจุบันก็พบได้ในกลุ่มคนอายุน้อยบ่อยขึ้นเรื่อยๆ
หลังจาก พญ.พันธนิตย์ ไตรธเนศ สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และได้เป็นแพทย์ใช้ทุนที่จังหวัดปัตตานีเรียบร้อยแล้ว จึงได้เข้าศึกษาต่อวุฒิบัตรอายุรกรรมระบบประสาท ที่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2555) คุณหมอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจและประสบการณ์ในการศึกษาว่า…
“ที่หมอสนใจและเลือกศึกษาต่อทางด้านนี้ เพราะหมอมองว่าสมองและระบบประสาทของคนเรานั้นเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ สมองเป็นเหมือนศูนย์รวมการควบคุมสั่งการต่างๆ ของร่างกาย และโรคทางสมองก็เป็นโรคที่น่าค้นหาและมีความท้าทายในการตรวจ วินิจฉัย รวมถึงการรักษา ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หรืออื่นๆ ยิ่งหากมีอาการอย่างต่อเนื่องเรื้อรังและผ่านการรักษาด้วยการกินยามาแล้วแต่ยังไม่หาย ก็ยิ่งท้าทายในการจะหาสาเหตุให้พบ หรือกับโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองที่เสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ ก็ต้องอาศัยการตรวจและรักษาอย่างละเอียดและรวดเร็ว เพื่อให้คนไข้กลับมาคุณภาพชีวิตที่ดีโดยสมองถูกทำลายน้อยที่สุด”
หัวใจสำคัญของแพทย์ด้านสมองและระบบประสาท
คนไข้ที่คุณหมอพันธนิตย์ ดูแลรักษา จะมีมาด้วยหลายลักษณะ ถ้าเป็นกลุ่มที่มารักษาโรคปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงาน อายุราว 25 ปี ไปจนถึง 40-50 ปี ส่วนกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองหรือ stroke มักพบมากในกลุ่มอายุ 60-70 ปีที่มีโรคประจำตัว และปัจจุบันก็พบได้ในกลุ่มคนอายุน้อยบ่อยขึ้นเรื่อยๆ…
“เพราะสมองเป็นอวัยวะที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ เราจึงไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า หรือตรวจได้ง่ายๆ การซักประวัติอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรืออาการเจ็บป่วยที่คนไข้เป็นว่าสิ่งไหนเกิดก่อนเกิดหลังจึงมีความสำคัญมาก เพราะจะทำให้หมอพิจารณาได้ว่าคนไข้น่าจะเป็นโรคใด ตรงจุดไหน ควรตรวจเพิ่มเติมไปในทิศทางใด ข้อมูลจากการซักประวัติและการตรวจร่างกายนี้จะถูกนำมาพิจารณาร่วมกัน เพื่อคิด วิเคราะห์ วินิจฉัย หรือส่งตรวจเพิ่มเติม เพื่อการยืนยันสิ่งที่เราวินิจฉัยเบื้องต้นให้แม่นยำและชัดเจนขึ้น”
การตรวจที่รวดเร็ว ด้วยเครื่องมือที่พร้อม การรักษาจึงฉับไว
การตรวจที่รวดเร็วนั้นมีความสำคัญมากกับโรคทางสมอง เมื่อคุณหมอพันธนิตย์ ได้ตรวจอาการเบื้องต้น หากพบว่าจำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติมด้วยเครื่องมือต่างๆ คุณหมอก็สามารถสั่งตรวจได้ทันที เช่น การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) เครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ซึ่งในปัจจุบันได้รับการพัฒนาไปมาก ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ ต่างๆ ในสมอง เห็นถึงรอยโรคและจุดที่เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการรักษาในทันที นอกจากแพทย์ผู้ตรวจแล้ว ทางโรงพยาบาลยังมีความพร้อมในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ที่เรียกว่า สหสาขาวิชาชีพ เช่น มีแพทย์รังสีเทคนิค มีนักกายภาพบำบัด ที่ร่วมดูแลคนไข้อีกด้วย
“สิ่งสำคัญและถือเป็นหัวใจหลัก ก็คือความใส่ใจในการซักประวัติคนไข้ รวมทั้งความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ โดยเฉพาะคนไข้เกี่ยวกับเส้นเลือดสมอง ถ้าหากมีอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาภายในเวลาที่เหมาะสม คือไม่เกิน 4.5 ชั่วโมงนับตั้งแต่เริ่มมีอาการ ก็อาจส่งผลให้คนไข้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นการวินิจฉัยที่รวดเร็ว และการทำงานเป็นทีมโดยสหสาขาวิชาชีพในโรงพยาบาล ก็ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ที่จะช่วยให้คนไข้ได้รับยาอย่างทันท่วงที หรือแม้แต่จะผ่านไปนานกว่า 4.5 ชม.แล้ว ก็ยังพอมีหนทางในการรักษาอื่นๆ อีก”
เมื่อพบสัญญาณผิดปกติต้องรีบไปพบแพทย์
สำหรับคนทั่วไปที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว คุณหมอพันธนิตย์ มักแนะนำว่า นอกจากการเลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ด้วยสัดส่วนที่พอเหมาะแล้ว เรื่องการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน คือควรทำให้ได้อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ และสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรมีการตรวจคัดกรองสุขภาพเป็นประจำทุกปี…
“โรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือดสมองจะไม่ค่อยมีอาการเตือนล่วงหน้า เมื่อใดก็ตามที่คนไข้มีอาการผิดปกติแสดงว่าตอนนั้นโรคได้แสดงผลแล้ว คือเป็นโรคแล้ว ทางที่ดีที่สุดก็คือการหมั่นตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดอุบัติการณ์ของโรคหลอดเลือดสมอง เช็กความดันโลหิต ระดับไขมัน น้ำตาลในเลือด (เบาหวาน) โรคอ้วน เพื่อรับคำแนะนำจากแพทย์ รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่จัดก็ควรลด ละ เลิก เพราะถือเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองเหมือนกัน”
สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอาการของโรคแล้ว ต้องรีบไปโรงพยาบาลในทันที เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการรักษาโรคนี้ คือการถึงมือหมอให้เร็วที่สุด ยิ่งมาโรงพยาบาลเร็วเท่าไหร่ การรักษาก็จะง่ายมากขึ้น โดยคนไข้จะได้รับการรักษาตามมาตรฐานในแต่ละช่วงเวลาของการเกิดโรคที่เหมาะสม