ข้อมูลแพทย์

นพ.ดุลยณัฐ อรัณยะปาล

  • สาขา:ศัลยศาสตร์
  • อนุสาขา:ศัลยศาสตรตกแต่ง
  • ภาษา:ไทย อังกฤษ
สาขา
  • แพทยศาสตร์บัณฑิต โรงพยาบาลรามาธิบดี มหหาวิทยาลัยมหิดล
  • 2553 วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาขาศัลยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • 2556 วุฒิบัตรผู้เชี่ยวชาญสาชาศัลยศาสตรตกแต่ง ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

Minimal invasive plastic surgery
Breast augmentation and Aesthetic Breast surgery
ปี2557 ฝึกอบรม Breast surgery and endoscopic Face Lift , Image plastic surgery clinic , seoul south korea

บทสัมภาษณ์แพทย์

นพ.ดุลยณัฐ อรัณยะปาล

“ปัจจุบันการผ่าตัดดึงหน้าโดยการส่องกล้อง แพทย์จะใช้กล้องส่องเข้าไปเพื่อเลาะชั้นเนื้อเยื่อที่ติดกับกระดูกแล้วดึงทั้งหมดไปด้านหลัง ทำให้หน้าผากตึงขึ้น แต่มีแผลเล็กลง ขณะผ่าตัดหมอจะมองเห็นเส้นประสาทและทุกๆ อย่างโดยชัดเจน โอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนจึงน้อย นอกจากนี้คนไข้จะมีหางคิ้วสูงขึ้น คิ้วกับตาห่างกันขึ้น ก็ทำให้แลดูอ่อนเยาว์”

สำหรับการผ่าตัดเสริมหน้าอกนั้น การผ่าตัดในปัจจุบัน การใช้กล้อง Laparoscopic เข้ามามีบทบาทในการผ่าตัดเสริมหน้าอกผ่านทางแผลรักแร้มากขึ้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดมองเห็นบริเวณที่เลาะโพรงกล้ามเนื้อได้ชัดเจนมากขึ้น ลดการเกิดการบาดเจ็บในส่วนที่ไม่จำเป็น ลดโอกาสการตัดเส้นประสาทที่ทำให้เกิดอาการชาบริเวณหัวนม ลดการเกิดการเลือดออกหลังผ่าตัดได้อย่างมีนัยยะสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามถ้าผู้รับบริการต้องการซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่มาก การเลือกแผลผ่าตัดบริเวณใต้ราวนมอาจจะเหมาะสมกว่า เพราะแพทย์สามารถขยายขนาดแผลผ่าตัดได้กว้างเพียงพอที่จะสามารถใส่ซิลิโคนได้โดยที่ไม่ทำให้ซิลิโคนเสียสภาพ (ปัจจุบัน รพ.พญาไทศรีราชา ใส่ซิลิโคนโดยใช้กรวยนมทุกราย โดยแผลผ่าตัดจะกว้างประมาณ 2.9-3.5 cm. ขึ้นอยู่กับขนาดซิลิโคนที่เลือก)

ส่วนตำแหน่งของซิลิโคนที่วางไว้ในร่างกาย ปัจจุบันได้คำตอบที่แน่ชัดแล้วว่าการวางในชั้น Dual Plane (เป็นชั้นใต้กล้ามเนื้อในส่วนเนินอกและชั้นใต้เนื้อนมในส่วนด้านล่างของเต้านม) จะลดการเกิดผังผืดหดรัด และได้เนินอกที่เป็นธรรมชาติ

จะเห็นได้ว่าการผ่าตัดเสริมหน้าอกนั้นมีหลายเทคนิค การเลือกและร่วมตัดสินใจโดยแพทย์และผู้รับบริการเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นการพบแพทย์ในแต่ละครั้ง “หมอปิง” จะใช้เวลาคุยกับผู้รับบริการนานถึง 45-50 นาทีต่อเคส เพื่อให้ผลการผ่าตัดออกมาเป็นที่พึงพอใจของผู้รับบริการมากที่สุด

นพ.ดุลยณัฐ อรัณยะปาล (หมอปิง) สำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิต จากโรงพยาบาลรามาธิบดี (2548) จากนั้นได้ศึกษาต่อวุฒิบัตรศัลยกรรมทั่วไป ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และศึกษาต่อยอดในอนุสาขาศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากกลับมาปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์อยู่ระยะหนึ่ง คุณหมอได้รับทุนจากโรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา ในการไปศึกษาเพิ่มเติมด้านการศัลยกรรมการดึงหน้าและผ่าตัดตกแต่งหน้าอกผ่านกล้อง ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งในขณะที่ศึกษาอยู่นั้น คุณหมอมีโอกาสได้ร่วมผ่าตัดกับอาจารย์แพทย์เจ้าของคลินิกศัลยกรรมชื่อดัง “Hong Ki Lee, Image Plastic Surgery Clinic” ที่มีความเชี่ยวชาญในการศัลยกรรมดึงใบหน้าและเสริมหน้าอกโดยเฉพาะ โดยคุณหมอได้เล่าถึงแรงบันดาลใจและประสบการณ์ในการศึกษาว่า…

“ที่หมอเลือกศึกษาต่อทางด้านนี้ เพราะคิดว่าสามารถทำการผ่าตัดได้ดีและมีความชอบด้านศัลยกรรม โดยเริ่มจากศัลยกรรมทั่วไป ก่อนที่จะมามุ่งเน้นด้านศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวย อยากในกรณีเคสที่เคยรักษาคนไข้นิ้วขาดมา นอกจากการผ่าตัดต่อนิ้วให้กลับมาใช้งานได้ดีเหมือนเดิม หมอคิดว่าหากเรามีองค์ความรู้ด้านศัลยกรรมตกแต่งเพิ่มด้วย มีการใช้กล้องในการส่องดูเส้นเลือดเล็กๆ มีสมาธิที่สามารถทำงานละเอียดได้ ก็เป็นสิ่งที่ท้าทายความสามารถและจะเป็นประโยชน์ต่อคนไข้ ซึ่งในขณะนั้นยังไม่ได้คิดว่าจะมุ่งมาทางศัลยกรรมเสริมสวย แต่ต้องการเพิ่มพูนความรู้ด้าน micro surgery เป็นหลัก พอได้มาศึกษาด้านนี้จริงๆ ก็ตระหนักว่าศาสตร์และองค์ความรู้ของ micro surgery รวมถึงเทคนิคการส่องกล้องนั้นสามารถนำประยุกต์ใช้กับการศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยได้เป็นอย่างดี ประกอบที่หมอถนัดการผ่าตัด จึงได้ศึกษาต่อยอดด้านนี้มาเรื่อยๆ จนมาเป็นศัลยแพทย์ด้านการตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าในปัจจุบัน”

จากเกาหลีสู่ไทย รพ.พญาไท ศรีราชา

เมื่อสำเร็จการเทรนนิ่งหลักสูตรด้านการศัลยกรรมการดึงหน้าและผ่าตัดตกแต่งหน้าอกผ่านกล้องจากประเทศเกาหลีแล้ว คุณหมอดุลยณัฐ ได้มาเป็นแพทย์ประจำศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง ที่ รพ.พญาไทศรีราชา ซึ่งคนไข้ที่คุณหมอดูแลรักษาก็มีทั้งการผ่าตัด Maxillofacial Surgery รักษากระดูกใบหน้าที่หักจากอุบัติเหตุ รวมทั้งการทำ Micro surgery เช่น การผ่าตัดต่อนิ้ว หรืออวัยวะอื่นๆ ที่ขาด นอกจากนี้คุณหมอยังได้พัฒนาระบบการทำงานและการดูแลคนไข้ในแผนกตกแต่งเสริมหน้าอก เพื่อให้ได้มาตรฐานการรักษา ทั้งความสวยงาม ความรวดเร็ว และความปลอดภัย เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการรักษาออกมาดีที่สุด… 

“จากจำนวนเคสผ่าตัดเสริมหน้าอกที่ทางโรงพยาบาลได้ให้บริการไปมากกว่า 1,000 เคส เราใช้เวลาในการผ่าตัดต่อเคสไม่เกิน 40 นาที เพราะทุกเคสมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน ด้วยระบบที่ได้มาตรฐาน ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยมากๆ หรือแทบจะไม่มีเลย”

 

พัฒนาการของการผ่าตัดเสริมหน้าอกจากอดีตถึงปัจจุบัน

ในอดีต การผ่าตัดหน้าอกจะเป็นการผ่าแบบเปิดแผลใต้รักแร้ โดยแพทย์จะใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีลักษณะคล้ายเคียวเข้าไปเลาะกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นการยากที่แพทย์จะเห็นว่าอุปกรณ์นั้นได้ไปเกี่ยวถูกอวัยวะหรือกล้ามเนื้อส่วนใดบ้าง คนไข้จึงมีโอกาสได้รับบาดเจ็บและเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูง

ในขณะที่การผ่าตัดเสริมหน้าอกผ่านการส่องกล้องที่พัฒนาขึ้น จุดประสงค์หลักไม่ใช่เพื่อให้เกิดแผลเล็ก แต่เพื่อให้แพทย์มองเห็นทุกๆ อย่างในบริเวณที่ผ่าตัด และสามารถใช้อุปกรณ์ทำหัตถการได้อย่างแม่นยำ คนไข้จึงมีเลือดออกน้อย และแผลช้ำน้อย ผลข้างเคียงจึงน้อยและฟื้นตัวไวกว่า

ปัจจุบัน การผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยการเปิดแผลใต้รักแร้นั้นได้รับความนิยมน้อยลง เนื่องจากแนวโน้มการเสริมหน้าอกที่ผู้รับบริการมักต้องการซิลิโคนที่มีขนาดใหญ่กว่าสมัยก่อนมากขึ้น แพทย์จึงจำเป็นต้องเปิดแผลใต้รักแร้กว้างขึ้นเพื่อให้ซิลิโคนขนาดใหญ่สอดผ่านเข้าไปได้ เมื่อแผลใต้รักแร้ใหญ่ขึ้นจนถึงจุดหนึ่ง ก็ทำให้เวลาผู้รับบริการยืนตรงแขนชิดลำตัวก็ยังเห็นรอยแผลได้

แต่ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดเสริมหน้าอกสมัยใหม่ ที่แผลผ่าตัดจะซ่อนอยู่ใต้ราวนม เมื่อผู้รับบริการยืนก็จะมองแทบไม่เห็น สามารถใส่ชุดว่ายน้ำหรือเสื้อแขนกุดได้อย่างมั่นใจ และหลังการผ่าตัดทางโรงพยาบาลจะดูแลคนไข้อย่างต่อเนื่อง ด้วย Scar care program ของทางโรงพยาบาล โดยจะมีการแนะนำขั้นตอนและวิธีการรักษาแผลหลังการผ่าตัด เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นนูน และให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติถ้ามีการปฎิบัติตัวตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง แผลผ่าตัดก็จะค่อยๆ เลือนหายในหกเดือน

 

ศัลยกรรมความงามและรักษาคนไข้

ปัจจุบัน คนไข้ที่คุณหมอดุลยณัฐ ดูแลรักษา จะเป็นการทำศัลยกรรมตกแต่งความงามราว 60-70% แต่ทั้งนี้คุณหมอก็ยังมุ่งให้การช่วยเหลือและผ่าตัดคนไข้อุบัติเหตุเร่งด่วนก่อนเสมอ…

“ความรู้สึกที่เราเป็นหมอ ก็จะรู้สึกดีเมื่อได้ช่วยเหลือคน สามารถผ่าตัดต่อนิ้วที่ขาดให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม คนไข้ขาหักมา กระดูกแตกมา การที่เราเป็นหมอและมีบทบาทได้เข้าไปช่วยเหลือคนไข้เหล่านี้ ก็รู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้ช่วยให้เขากลับไปใช้ชีวิตได้ดี ใช้อวัยวะต่างๆ ได้เหมือนเดิม”

ที่แผนกศัลยกรรมตกแต่ง คุณหมอจะเน้นเรื่องการสื่อสารและตอบคำถามผู้รับบริการให้ได้อย่างฉับไวทันท่วงทีผ่านทางแอปพลิเคชั่นต่างๆ เช่น  LINE หรือ Messenger ทำให้สามารถตอบคำถามและไขข้อสงสัยได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งผู้รับบริการที่ผ่าตัดแล้วก็จะมีคำถามเกี่ยวกับการดูแลรักษาแผลผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง เมื่อคนไข้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องก็จะปฏิบัติตัวได้ดี ผลการรักษาก็จะออกมาดี และผู้รับบริการก็ได้รับความอบอุ่นใจที่มีผู้รู้ให้การดูแลอย่างใกล้ชิด

 

คำกล่าวขานถึงความประทับใจในการดูแลรักษา

ผู้รับบริการส่วนใหญ่ของคุณหมอดุลยณัฐ จะมาจากการบอกต่อของผู้รับบริการที่เคยเขารับการผ่าตัดตกแต่งและเสริมสร้าง ทั้งการบอกเล่า รีวิวและแชร์ผ่านช่องทางโซเชียลออนไลน์ต่างๆ…

“จุดเด่นของการทำศัลยกรรมเสริมสวยของที่นี่ คือการเสริมหน้าอก ผู้ที่เคยมารับบริการ เขาก็จะบอกว่า เชื่อมั่นในประสบการณ์ของคุณหมอ และได้รับคำแนะนำจากคนที่เคยทำมา ผู้รับบริการในปัจจุบันเขาก็จะดูว่าเราเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญการผ่าตัดเสริมหน้าอกหรือไม่ ศึกษามาจากสถาบันไหน เพราะการผ่าเสริมหน้าอก โดยเฉพาะในระบบ Dual Plane  จะต้องใช้วิสัญญีแพทย์ในการให้ยาสลบ เขาต้องการความมั่นใจในการดูแลอีกทั้งหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นมาก็มีทีมแพทย์สหสาขาที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านพร้อมดูแล ทำให้รู้สึกปลอดภัยและมั่นใจจะได้ปลอดภัย ซึ่งถ้าเทียบเรื่องราคาในการผ่าตัดก็ไม่ได้แตกต่างกันมากด้วย”

 

ศัลยกรรมที่คืนความปกติให้ผู้ป่วย และเสริมสวยความงาม

ในคนไข้ที่เป็นกลุ่มโรคภัยไข้เจ็บหรืออุบัติเหตุ จุดมุ่งหมายหลักของคุณหมอดุลยณัฐ ก็คือการรักษาให้คนไข้มีอวัยวะกลับมาเป็นปกติให้ได้มากที่สุด เช่น คนไข้เด็กที่เกิดมาปากแหว่งเพดานโหว่ คุณหมอก็จะรักษาเพื่อการกลับมาเป็นปกติใกล้เคียงเด็กทั่วไป หรืออย่างผู้ที่ประสบอุบัติเหตุนิ้วขาด ก็ต้องพยายามรักษาให้เขามีนิ้วที่ใช้งานได้เหมือนเดิมหรือใกล้เคียงเดิมที่สุด ซึ่งจะแตกต่างกันกับคนไข้ในกลุ่มความงาม ที่คุณหมอบอกว่า…

“คนไข้กลุ่มศัลยกรรมเสริมสวยความงาม สิ่งที่หมออยากเห็น คือการที่คนไข้มีความมั่นใจและรักตัวเองมากขึ้น เพราะคนที่มาปรึกษาด้านความงามและต้องการทำศัลยกรรมส่วนใหญ่เขาจะมีสิ่งที่ไม่ชอบของตัวเองอยู่ เมื่อหมอได้ผ่าตัดแก้ไขให้แล้วก็อยากให้เขามีความสุข ภาคภูมิใจในตัวเอง ทุกครั้งที่มองกระจกก็ได้เห็นความสวยงามที่ตนเองชอบ มีความสุขและรักตัวเองมากขึ้น”

ปัจจุบันการทำศัลยกรรมตกแต่งไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป การเสริมเติมแต่งเพื่อให้เรามีความมั่นใจมากขึ้นไม่ใช่เรื่องน่าอาย เราทำเพื่อลบบางจุดที่เราไม่ชอบออกไป ถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งคุณหมอได้ฝากคำแนะนำไว้ก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรม ดังนี้…

1.ต้องรู้จักแพทย์ โดยหาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ท่านนั้นก่อนว่า เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในด้านที่เราจะเข้ารับบริการหรือไม่โดยสามารถตรวจสอบหรือหาข้อมูลเพิ่มเติมจากทาง Website ของแพทยสภาโดยตรง

2.หาข้อมูลโรงพยาบาล เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือสูง

3.เข้าปรึกษาและร่วมกันตัดสินใจกับแพทย์ ดูความเหมาะสมว่าการผ่าตัดแบบไหนเหมาะกับตัวเรา ราคาเหมาะสมหรือไม่ ผลลัพธ์หรือผลข้างเคียงเป็นอย่างไร ต้องร่วมพูดคุยกัแพทย์ ร่วมกันตัดสินใจ อย่ากลัวแพทย์ การซักถามในทุกๆ ความสงสัยก่อนตัดสินใจเลือกและทำการผ่าตัดถือเป็นขั้นที่สำคัญมาก ดังนั้นก่อนทำศัลยกรรมใดๆ คนไข้ควรจะต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการจะทำให้มากๆ ในทุกๆ ด้าน

ข้อมูลสุขภาพ